ความเป็นมาของโครงการ

           จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในระลอก 3 ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและภาคเศรษฐกิจ สภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรสาธารณกุศล ซึ่งมีภารกิจหลักด้านหนึ่งคือ การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนด้วย และเมื่อรัฐบาลประกาศจัดหาวัคซีนมาบริการแก่ประชาชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สภากาชาดไทย จึงมี
นโยบายสนับสนุนภาครัฐด้วยการจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนี้

    1. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและส่วนกลาง มอบโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดโครงสร้างจุดบริการฉีดวัคซีน และให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล และบุคลากรของสภากาชาดไทย เพื่อปฏิบัติงานให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (Covid-19) แก่ประชาชน และมอบสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ รับอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลจากบุคคลภายนอกเพื่อไปปฎิบัติงานตามจุดบริการฉีดวัคซีน โดยการจะออกบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ณ จุดบริการต่าง ๆ ให้ประสานงานกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครโดยตรงในการกำหนดจุดบริการ
    2. ในส่วนภูมิภาค มอบสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ และสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด รับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล จากบุคคลภายนอก และอาสาสมัครบุคคลทั่วไป เพื่อร่วมปฏิบัติงานให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ประชาชน โดยจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของสถานีกาชาด 11 แห่งนั้น มอบหมายให้เหล่ากาชาดจังหวัดเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถานีกาชาดพื้นที่ในการหารือร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อพิจารณาจัดส่งอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลไปร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดหรือภาคเอกชนเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนที่จุดบริการฉีดวัคซีนตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ กำหนด
    3. ในจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ที่ตั้งของสถานีกาชาด หากเหล่ากาชาดใดมีความพร้อมและมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปิดรับสมัครอาสาสมัครให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนได้ หรือส่งอาสาสมัครไปร่วมปฎิบัติงานในหน่วยบริการของหน่วยงานรัฐหรือเอกชนในพื้นที่ตามแนวทางข้างต้นแล้ว ก็ขอให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัดได้ประสานงานกับที่ปรึกษาเหล่ากาชาด (ผู้ว่าราชการจังหวัด) และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เพื่อร่วมพิจารณาดำเนินการได้เช่นกัน และสามารถขอรับการสนับสนุนในเรื่องวัสดุ อุปกรณ์คำแนะนำ หรืออื่นๆ จากสถานีกาชาดในพื้นที่นั้นได้